#คนอีสานมาจาไหน ตำนานการอพยพมาหลายพันปี หรืออยู่ที่นี่มานานแล้ว กว่า5,600ปี กันแน่..? ตอนนี้จะเล่าถึง #ชาวอีสาน หรือ #คนอีสาน ไม่ใช่ชื่อชนชาติ หรือเชื้อชาติเฉพาะของอีสาน แต่เป็นชื่อทางวัฒนธรรม มีที่มาจากภูมิศาสตร์บริเวณที่เรียกอีสาน หรือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย อันเป็นส่วนหนึ่งของผืนแผ่นดินใหญ่ สุวรรณภูมิ หรืออุษาคเนย์โบราณ เลยเรียกอย่างรวมๆ กว้างๆ ว่าชาวอีสาน หรือคนอีสาน #คนไทยอีสาน เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ พูดภาษาไทย-ลาว ภาษาอีสาน เป็นกลุ่มผู้นำทางด้านวัฒนธรรมภาคอีสาน เช่น ฮีต คอง นิยมตั้งหมู่บ้านเป็นกลุ่ม บนที่ดอนเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า "โนน" ยึดทำเลการทำนาเป็นสำคัญ อาศัยอยู่ทั่วไป ชาวอีสานหรือคนอีสาน มีบรรพชนมาจากการผสมผสาน ของผู้คนหลายชาติพันธุ์ ทั้งทางสังคมและวัฒนธรรม ไม่ต่ำกว่า 5,000 ปีมาแล้ว มีบรรพชนอย่างน้อย 2 พวก คือ คนพื้นเมืองดั้งเดิมอยู่ภายในสุวรรณภูมิ กับคนภายนอกเคลื่อนย้ายเข้ามาภายหลัง จากทิศทางต่างๆ มีร่องรอย และหลักฐานต่อนี้ 1. คนพื้นเมืองดั้งเดิม 5,600 ปีมาแล้ว..ชาวอีสานดั้่งเดิม มีชีวิตร่อนเร่อยู่ในดินแดนอีสาน ไม่ได้อพยพมาจากไหน เพราะหลังจากนั้น มีหลักฐานทางโบราณคดี ยืนยันว่าพวกเขาปลูกเรือนอยู่เป็นที่ ปัจจุบันคือบริเวณอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น อายุหม้อบ้านเชียง ที่พิสูจน์โดยวิธีวิทยาศาสตร์ ระบุว่าหม้อบ้านเชียงอายุเก่าแก่ถึง 5,600 ปี กว่าคนบ้านเชียงจะเริ่มตีหม้อใช้ในครัวเรือน ก็ต้องสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยก่อนหน้านั้นแล้ว แนวความคิดนี้ยังแสดงว่านอกจากชาวลาวจะอยู่อีสานแล้ว ยังกระจายไปอยู่ที่อื่นอีก เช่น เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ยุโรป แล้วข้ามไปอเมริกาเป็นพวกอินเดียนแดง พวกเขารู้จักปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ เช่น หมูและวัว รู้จักภาชนะดินเผา ทำสัมฤทธิ์ เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ และมีประเพณีฝังศพ ฯลฯ ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า คนอีสานพวกแรก เหล่านี้เป็นชนกลุ่มไหน? เผ่าพันธ์ใด? แต่อย่างน้อยเป็นคน 2 พวก คือ 1.1 พวกที่สูง อาศัยอยู่บริเวณป่าเขาลำเนาไพร มีแหล่งเพาะปลูกน้อย มีแหล่งน้ำหล่อเลี้ยง ไม่เพียงพอ เพาะปลูกด้วยระบบที่เรียกว่า เฮ็ดไฮ่ (ทำไร่) หรือแบบล้าหลัง คือเอาไฟเผาป่าให้ราบ เป็นแปลงเท่าที่ต้องการ ไม่ต้องพรวน ไม่ต้องไถ เอาจอบช่วยเกลี่ยหน้าดินนิดหน่อย แล้วก็เอาไม้ปลายแหลม แทงดินให้เป็นรู เอาเมล็ดพันธุ์พืชหยอดลงทีละรูๆ แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ตามยถากรรม แล้วแต่ดิน ฝนและแดด แต่พันธุ์พืชหรือพันธุ์ข้าว ชนิดที่ปลูกก็เป็นพันธุ์ป่าชนิดที่ไม่ต้องขวนขวาย ทดน้ำมาหล่อเลี้ยง พอพืชโตได้ที่มีดอก ออกผลก็เก็บเกี่ยว แล้วก็ทิ้งดินแปลงนั้นให้หญ้า และต้นไม้ขึ้นรกชัฏไปตามเรื่อง ใช้ได้ครั้งเดียว ปีรุ่งขึ้นก็ขยับไปเผาป่าในที่ถัดออกไปใหม่ ขยับเวียนไปรอบทิศตามสะดวก ไม่มีใครหวงห้ามหรือจับจอง บางที 2-3 ปี ผ่านไปก็หันกลับมาเผาที่ตรงแปลงเดิมใหม่ แต่ถ้าหากดินจืด ใช้ไม่ได้ผล ก็ย้ายหมู่บ้านกันเสียที ไปเลือกทำเลใหม่ หอบไปแต่สิ่งของสำคัญๆ ไม่มีสมบัติ 1.2 พวกที่ราบ อาศัยบริเวณที่ราบลุ่มในหุบเขา ที่ราบลุ่มแม่น้ำ และที่ราบตามชายฝั่งทะเล ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูก กว้างขวางกว่าเขตที่สูงมีน้ำท่วมถึง หรือมีการชักน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ที่เพาะปลูกได้ ทำให้มีโคลนตะกอนจากที่อื่นๆ เข้ามาทับถมกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ที่ดินจึงมีความอุดมสมบูรณ์เสมอๆ ทุกๆปี จนไม่ต้องโยกย้ายไปหาที่เพาะปลูกใหม่ และสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย พอเลี้ยงคนได้จำนวนมาก ทั้งมีส่วนเกินพอที่จะนำไปแลกเปลี่ยนสิ่งของกับชุมชนอื่นๆ ด้วย ทำให้ท้องถิ่นนั้นๆ มีผู้คนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็แบ่งงานกันทำกิจกรรม ร่วมมือในกิจการงานด้านต่างๆ เช่น ทดน้ำหรือระบายน้ำเพื่อการเพาะปลูก ติดต่อแลกเปลี่ยนสิ่งของกับชุมชนอื่น และขยายชุมชนไปยังบริเวณใกล้เคียง มักมีพัฒนาการจาก หมู่บ้าน เป็น เมือง แล้วก้าวหน้าเป็น รัฐ และ อาณาจักรได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าทุกหนทุกแห่งในเขตที่ราบ จะมีโอกาสก้าวหน้าได้เหมือนกันหมด เพราะยังมีข้อแตกต่างกันด้านอื่นๆ ที่อาจจะเป็นทั้งสิ่งเอื้ออำนวย และข้อจำกัดอีก 1.3 พวกที่สูง-ที่ราบ ผสมกลมกลืนกันเป็น "ชาวสยาม" พวกที่สูง มีความรู้ และชำนาญในการถลุงโลหะ ส่วนพวกที่ราบมีความรู้ และชำนวญการทำนาปลูกข้าวในที่ลุ่ม ทั้งสองพวกนี้ มีการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันตลอดเวลา จนถึงระยะเวลาหนึ่ง พวกที่สูงก็ลงมาอยู่ที่ราบ แล้วผสมกลมกลืนทางสังคม และวัฒนธรรม มีร่องรอยอยุ่ในนิทานปรัมปราหลายเรื่อง คนอีสาน นั้นน่าจะมีคนหลายกลุ่ม หลายชาติพันธุ์ปะปนกันอยู่ และในหลายกลุ่มนั้น อ้ายลาว ก็คือกลุ่มชาติพันธุ์ลาวนั่นเอง อ้ายลาวเป็นเชื้อสายหนึ่งของมองโกลเดิม สาเหตุเพราะจีนมาแย่งดินแดน อ้ายลาวสู้จีนไม่ได้จึงอพยพลงใต้ถอยร่นลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาตั้งอาณาจักร อยู่บริเวณยูนานในปัจจุบัน มีเมืองแถน เป็นศูนย์กลางสำคัญ แต่ก็ยังถูกรุกรานแย่งชิงจากจีนไม่หยุดหย่อน อ้ายลาวจึงอพยพลงมาตั้งอาณาจักรใหม่อีก คือ อาณาจักรหนองแส พ.ศ.1272 มีขุนบรม วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของอ้ายลาว เป็นผู้ปกครองขุนบรมขึ้นครองราชย์ ได้รวบรวมผู้คนเป็นปึกแผ่น และส่งลูกหลานไปครองเมืองต่าง ๆ ในบริเวณนั้นลูกหลานที่ส่งไปครองเมืองมี 7 คน คือ - ขุนลอ ครองเมืองชวา คือ หลวงพระบาง - ขุนยีผาลาน ครองเมืองหอแต หรือสิบสองพันนา - ขุนสามจูสง ครองเมืองปะกัน หรือหัวพันทั้งห้าทั้งหก - ขุนไขสง ครองเมืองสุวรรณโดมคำ - ขุนงัวอิน ครองเมืองอโยธยา (สุโขทัย) - ขุนลกกลม ครองเมืองมอญ คือ หงสาวดี - ขุนเจ็ดเจือง ครองเมืองเชียงขวางหรือ เมืองพวน พี่น้องอ้ายลาวทั้ง 7 ปกครองบ้านเมือง แบบเมืองพี่เมืองน้อง มีอะไรก็ช่วยเหลือเจือจุนกันโดยยึดมั่นในคำสาบานที่คำสัตย์ปฏิญาณร่วมกันว่า “ไผรบราแย่งแผ่นดินกันขอให้ฟ้าผ่ามันตาย” กลุ่มอ้ายลาวนี้ น่าจะเกี่ยวโยงเป็นกลุ่มเดียวกับคนชาติพันธุ์ลาวในอีสาน น่าจะเป็นกลุ่มลาวเชียงและลาวเวียง #เรื่องเล่าจากบันทึก เล่าเรื่องต่างๆที่มีสาระและน่าสนใจ ประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญต่างๆ รวมถึงธรรมะคำสอนต่างๆ

เรื่องเล่าสาระน่ารู้เรื่องเล่าลี้ลับความเป็นมาประวัติศาสตร์อยากรู้ความจริงตำนานเรื่องเล่าพิสูจน์ความจริงเรื่องเล่าจากบันทึกจดหมายเหตุเล่าเรื่องต่างประวัติบุคคลสำคัญสารคดีเรื่องจริงนวนิยายเรื่องลี้ลับเล่าต่อๆกันมาอนุรักษ์วัฒนธรรมรัตนโกสินทร์สุโขทัยอยุธยาพระนครศรีอยุธยาสมัยสุโขทัยกรุงเทพมหานครวัดสำคัญที่เที่ยวน่าสนใจศาสนาประเพณีเมืองสำคัญรวมตำนานรวมที่มารวมเรื่องคนอีสานมาจาไหนคนอีสานคนลาวเวียงจันทน์พระยาแลชาวโคราชชาวย้อชาวภูไทล้านนาล้านช้างพระเจ้าฟ้างุ้ม